Aug 15 , 2018 เคยคำนวณกันไหม ? ซื้อรถมาแล้ว มีค่าใช้จ่ายอะไร ? ตามมาอีก ! เนื่องจากระบบสาธารณูปโภคบ้านเรา ไม่ค่อยจะเอื้ออำนวยต่อความต้องการ ทำให้หลายๆ คนอยากมีรถใช้ส่วนตัวมากขึ้น ทีนี้มาดูความพร้อมของตัวเราเองก่อน ว่าเรามีเงินเพียงพอพร้อมที่จะซื้อด้วยเงินสด หรือเงินผ่อน เพราะทุกวันนี้การจะออกรถสักคันไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพียงมีเงินดาวน์แค่หลักหมื่นต้นๆ ก็สามารถถอยรถป้ายแดงออกมาขับได้แบบสบายๆ บางค่ายไม่ต้องมีเงินดาวน์เสียด้วยซ้ำ...ยิ่งไม่ต้องจ่ายเงินดาวน์ เงื่อนไขนี้จะมีอัตราดอกเบี้ยสูง เนื่องจากผู้ขายจะต้องรับความเสี่ยง อาจมีปัญหาการผิดนัดชำระจากผู้ซื้อ ซึ่งจะมีภาระการผ่อนชำระต่อเดือนสูง จนอาจผ่อนต่อไม่ไหว และปล่อยรถโดนยึดไปอย่างน่าเสียดาย ดังนั้นเราควรตรวจสอบว่ามีเงินเพียงพอหรือไม่ หรือพร้อมเผชิญกับค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ตามมาเหล่านี้ หรือไม่ ! อยากให้แง่คิดสำหรับท่านที่ต้องการมีรถ แต่ยังไม่มีความพร้อม 1. ค่า พรบ. 600-1,200 บาท/ปี พรบ. คือ การประกันรถยนต์ภาคบังคับ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พศ. 2535 มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยปีละ 600-1,200 บาท บางครั้งก็เป็นค่าใช้จ่ายที่พ่วงมากับประกันภัยรถยนต์ หรือบางครั้งก็ต้องซื้อแยกต่างหาก 2. ค่าต่อทะเบียน 1,500-3,000 บาท/ปี ค่าภาษีรถยนต์ประจำปี โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 1,500-3,000 บาท/ปี ยิ่งรถที่มีขนาดใหญ่ เครื่องยนต์ขนาดใหญ่ ก็ยิ่งเสียภาษีส่วนนี้แพงขึ้น สำหรับรถยนต์ที่มีอายุเกิน 7 ปี ต้องนำรถไปตรวจสภาพด้วย 3. ค่าประกันภัย 6,500-20,000 บาท/ปี ประกันภัยรถยนต์ จะช่วยคุ้มครองค่าใช้จ่ายที่เกิดจากภัยจากรถยนต์ โดยทั่วไป มีให้เลือกประกันชั้น 1-3 หรือแล้วแต่ข้อเสนอของแต่ละบริษัท ซึ่งเบี้ยประกันที่สูงขึ้น ก็จะคุ้มครองรถเราได้มากขึ้น โดยเฉลี่ยจะเริ่มต้นที่ประมาณ 6,500 บาท ถ้าประกันชั้น 1 สำหรับรถยนต์ที่ใช้กันอยู่ทั่วๆ ไ ป เฉลี่ยอยู่ที่ ปีละ 12,000-20,000 บาท แต่ถ้ารถยิ่งแพง ค่าเบี้ยประกันก็ยิ่งแพงขึ้น 4. ค่าบำรุงรักษา 5,000-30,000 บาท รถยนต์ย่อมมีการสึกหรอ จึงต้องมีการบำรุงรักษา โดยเฉลี่ยทุก 6-12 เดือน หรือ 10,000 กิโลเมตร ค่าใช้จ่ายก็แตกต่างกันไป ขึ้นกับยี่ห้อ รุ่นรถ การใช้งาน และความสามารถในการถนอมรถของแต่ละคน รถยนต์ธรรมดาๆ ค่าดูแลรักษาที่เหมาะสมมักจะอยู่ที่ ปีละ 5,000-30,000 บาท แต่ถ้าเป็นรถยนต์ที่มีความซับซ้อนมากขึ้น หรือรถยนต์ที่เริ่มเก่า ค่าบำรุงรักษาอาจสูงถึงหลายหมื่นบาท/ปี 5. ค่าเชื้อเพลิง 3,000-5,000 บาท ค่าเชื้อเพลิงเป็นสิ่งที่ยากจะระบุตายตัว เพราะราคาน้ำมันผันผวนตลอดเวลา อีกทั้งการใช้งานของแต่ละคน อาจต่างกันอย่างสิ้นเชิง อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่ใช้รถทุกวัน ค่าเชื้อเพลิงมักเกิน 3,000-5,000 บาท สำหรับรถคันเล็ก ยิ่งรถคันใหญ่ หรือรถที่มีอัตราบริโภคน้ำมันสูง ค่าเชื้อเพลิงจะสูงกว่านี้ และอาจถึง 10,000 บาท/เดือน วิธีลดค่าเชื้อเพลิง คือ ปรับเปลี่ยนนิสัยการขับขี่ให้เหมาะสม วางแผนการเดินทาง ใช้รถเมื่อจำเป็น 6. ค่าทางด่วน 3,000-4,000 บาท/เดือน คนที่บ้านอยู่ไกลจากที่ทำงาน การใช้ทางด่วน อาจเป็นสิ่งจำเป็น เพราะต้องเดินทางระยะไกล แถมยังต้องฝ่าฟันการจราจรที่ติดขัดในแต่ละวัน โดยอัตราค่าทางด่วนในปัจจุบัน เฉลี่ยอยู่ที่ 50-100 บาท/การขึ้น 1 ครั้ง และหากจำเป็นต้องใช้ทางด่วนทุกวัน แต่ละเดือน อาจสูงถึง 3,000-4,000 บาท 7. ค่าที่จอดรถ 1,500-5,000 บาท/เดือน สำหรับคนที่อยู่อพาร์ทเมนท์ หรือ คอนโดมิเนียม หรือมีบ้านที่มีความแออัดไม่มีที่จอดรถ หรือคนที่ต้องทำงานในย่านธุรกิจ การเช่าที่จอดรถประจำ ก็อาจตกอยู่ในราว 1,500-5,000 บาท/เดือน 8. ค่าล้างรถ 500-1000 บาท/เดือน ถ้าไม่สะดวกล้างรถเอง อาจมีค่าใช้จ่ายตกเดือนละ 500-1000 บาท/ เดือนก็เป็นได้ วิธีช่วยลดค่าใช้จ่ายตรงนี้ คือการหันมาล้างรถด้วยตัวเอง ซึ่งนอกจากจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากแล้ว เรายังมีเวลาตรวจสอบความเสียหายที่เกิดกับรถของเรา หากเห็นความบกพร่องหรือเสียหายอาจแก้ไขได้ทัน และที่สำคัญยังเป็นการออกกำลังกายได้อีกทางหนึ่งด้วย 9. ค่าใช้จ่ายอื่นๆ นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายที่กล่าวมาทั้งหมดแล้ว อาจมีค่าใช้จ่ายแฝง ที่อาจตามมาโดยตั้งใจ หรือไม่ได้ตั้งใจ อย่าง Gadget ติดรถต่างๆ ซึ่งปัจจุบันมีความสำคัญมากๆ อาทิ กล้อง หรือ GPS ติดรถ รวมถึงค่าปรับจากการขับรถผิดกฎจราจร หรือสำหรับคนชอบแต่งรถอาจมีค่าใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งไม่ได้ถูกคิดรวมไว้ในรายการอีกหลายหมื่นบาททีเดียว รู้แบบนี้แล้ว ก็อย่าลืมคำนวณหรือวางแผนก่อนการซื้อรถกันให้ดีๆ อย่างน้อยก็ควรต้องมีเงินสำรองเรื่องฉุกเฉินไว้ส่วนหนึ่งด้วย ภาพที่เกี่ยวข้อง ............. คำค้นหา ............. ค่าใช้จ่ายหลังซื้อรถ บทความที่เกี่ยวข้อง .............