Jun 14 , 2017 ใช้ประกันภัยรถอย่างไร ? ให้ "คุ้ม" !!! การจะมีรถสักคันอาจไม่ใช่เรื่องง่าย สำหรับหลายๆ คน เพราะเมื่อมีรถแล้วยังมีค่าใช้จ่ายตามมาอีกมากมาย หนึ่งในนั้นก็คือค่า "ประกันภัย" มาดูกันว่าเมื่อรถของเรามีประกันภัยแล้ว จะมีวิธีลดเบี้ยในปีต่อไป หรือเคลม อย่างไร ? ให้คุ้มค่า... เพราะการซื้อประกันภัยรถยนต์ หรือประกันภัยทุกชนิดก็คล้ายๆ กับการลงทุนซื้อรถนั่นแหละ การซื้อประกันภัยต้องจ่ายเงินค่าเบี้ยประกันภัยแน่นอน ดังนั้นก่อนซื้อจะต้องตั้งวัตถุประสงค์ให้แน่ชัดก่อนว่าเรา ต้องการอะไร และต้องจ่ายเงิน หรือลงทุนเท่าไร ประโยชน์ที่จะได้รับมีอะไรมากน้อยแค่ไหน สอดคล้อง กับวัตถุประสงค์ความต้องการของเราหรือไม่ พรบ. ภาคบังคับ คุ้ม “คน” ไม่คุ้ม “รถ” บางคนขับดี ไมีมีเฉี่ยวชน แค่มี พรบ. ติดรถไว้ก็น่าจะพอ ตัวอย่าง การประกันภัยตาม พรบ. วัตถุประสงค์ของกฎหมาย คือ ให้ความคุ้มครองคนทุกคนที่ต้อง ประสบภัยจากรถ ไม่ว่าจะเป็นคนขับ คนนั่ง คนในรถคนอื่น คนเดินถนน จะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายจากการทำประกันภัยตาม พรบ. แต่มีวงเงินคุ้มครองเบื้องต้นจำนวนจำกัดไม่เกิน 50,000-100,000 บาท มุ่งหวังให้สามารถบรรเทาความเสียหายแก่ชีวิตร่างกายที่เกิดจากรถเป็นการเบื้องต้น ไม่รวมถึงความเสียหายทางคดีอาญา การประกันตัวผู้ขับขี่คดีอาญา ความเสียหายของตัวรถคันที่เอาประกัน ความเสียหายของรถคันอื่น และความเสียหายทรัพย์สินของบุคคลภายนอก การที่เราจะซื้อประกันภัยตาม พรบ. อย่างเดียว ตามที่กฎหมายบังคับ เราก็ต้องยอมที่จะรับความเสี่ยง ที่เหลือเอง ถ้าเราคิดว่าเรารับได้ เพราะเราขับรถดีมากตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยขับรถชนอะไรเลยทั้งคนทั้งรถคันอื่น รถของเราก็ไม่เคยมีรอยบุบรอยครูดจากการเฉี่ยวชนเลย อย่างนี้ซื้อประกันแบบ พรบ. อย่าง เดียวก็น่าจะคุ้มและประหยัด สุด [คลิกอ่านที่นี่] ซื้อความเสี่ยงเพิ่มประกันประเภท 1-2 หรือ 3 ด้วยดีไหม ? ถ้าคิดว่า พรบ. อย่างเดียวมันอาจจะเสี่ยงไปหน่อย เพราะที่ผ่านมาก็เคยวิ่งไปชนท้ายชาวบ้านเขา และก็เห็นการเฉี่ยวชนของรถที่วิ่งอยู่ตามท้องถนนอยู่ทุกวันมันดูว่าไม่ปลอดภัยไม่ควรเสี่ยงเท่าไรนัก กระนั้นเลยเพิ่มเงินค่าเบี้ยอีกเล็กน้อย ซื้อประกันแบบประเภท 3 ไว้น่าจะคุ้มค่ากว่า ถ้าวันดีคืนดีเกิด แจคพอทไปเฉี่ยวชนใครเขาก็มีประกันภัยมาช่วยชดใช้ให้เกิดความอุ่นใจ ถ้ารถเราเก่าแล้ว มีแผลบ้างเล็กๆ น้อยๆ ก็ช่างมัน 2-3 ปี ซ่อมสักครั้งก็ยังได้ เก็บเงินค่าประกันแบบที่ต้องจ่ายแพงๆ มาเป็นค่าซ่อมเองดีกว่า อย่างนี้ซื้อประเภท 3 ก็เพียงพอ แต่ถ้ารถเรายังใหม่กลัวหายก็สามารถเลือกจ่ายเบี้ยประกันเพิ่มตามกำลัง ถ้าเป็นประเภท 2 ก็เพิ่มคุ้มครองรถหาย ไฟไหม้ ถ้าเป็นประเภท 1 ก็คุ้มครองรวมตัวรถคันเอาประกันในการที่จะซ่อมแซมให้ จากการ เฉี่ยว ชน คว่ำ เพิ่มเข้าไปด้วย เรียกว่าเป็นการคุ้มครองแบบรวมความเสี่ยงทุกชนิด ซึ่งมักเป็นที่นิยมของคนทั่วไป แต่เราก็ต้องยอมรับว่าต้องจ่ายเบี้ยประกันที่แพงขึ้น ถ้าติดว่าเสี่ยงภัยมากก็น่าจะทำแบบประเภท 1 นอกจากนี้เรายังสามารถที่จะเพิ่ม หรือลดเบี้ยประกันในการทำประกันครั้งแรก หรือปีแรก และปีต่อๆ ไปได้จากการเพิ่มหรือลดเงื่อนไข ในประกันภัยภาคสมัครใจประเภท 1 หรือ 2 หรือ 3 ได้ เช่น การเพิ่มเงื่อนไขคุ้มครองประกันตัวผู้ขับขี่คดีอาญา การเพิ่มเงื่อนไขคุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคลผู้ขับขี่และผู้โดยสารในรถประกันให้สูงขึ้นกว่าประกันภัยตาม พรบ. รวมทั้งค่ารักษาพยาบาลส่วนเพิ่มก็สามารถซื้อ เพิ่มเติมได้ โดยการแจ้งวัตถุประสงค์และจ่ายเบี้ยเพิ่มอีกเล็กน้อย จะลดเบี้ยประกันด้วยวิธีใดได้บ้าง ? -การระบุชื่อผู้ขับขี่ การลดเบี้ยประกันก็สามารถทำได้ โดยการ ซื้อประกันแบบระบุชื่อผู้ขับขี่ก็จะได้ส่วนลดตั้งแต่ 5-20 % ตามแต่ช่วงอายุของผู้ขับขี่ หรือการซื้อประกันแบบยอมรับผิดชอบเองในความเสียหายส่วนแรกก็สามารถลดเบี้ยประกันได้ตั้งแต่ 1,000-5,000 บาท -ประวัติดีไม่มีเคลม นอกจากนี้ถ้าเรามีประวัติการขับรถดีจากประกัน บริษัทเดิมของปีที่ผ่านมามาแสดง ก็จะสามารถลดเบี้ยประกันได้อีก 20-50 % ซึ่งถ้ารวมส่วนลดแล้วก็ ต้องถือว่าประหยัดได้มาก เป็นการซื้อที่คุ้มมากที่สุด -ติดกล้องหน้ารถ ล่าสุด คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ (คปภ) ก็ได้เล็งเห็นความสำคัญของการติดตั้งกล้องในรถยนต์ พร้อมมีคำสั่งให้บริษัทประกันภัยให้ส่วนลดเบี้ยประกันภัยรถยนต์แก่รถยนต์ที่ติดตั้งกล้องวงจรปิด 5-10% ของเบี้ยประกันภัยสุทธิ พร้อมมีผลบังคับใช้กันแล้ว (คลิกที่นี่ อ่านรายละเอียด) เคลมน่ะ มันเคลมได้ แต่อย่างนี้เรียกว่าใช้ประกันไม่เป็นไม่คุ้ม ! จะเห็นว่า การจะใช้ประกันให้คุ้มหลังจากซื้อประกันมาแล้ว หลายคนมักคิดซื้อประกันภัยแล้วใช้ให้คุ้มเหมือนการไปกินบุฟเฟท์ คือ กินให้ได้มากที่สุด เลือกของแพงที่สุด การทำประกันภัยรถก็เช่นกันก็จะตะบี้ตะบัน เคลมทุกอย่างให้มันคุ้ม เดี๋ยวชนโน้น เฉี่ยวนี่ เดี๋ยวซ่อมรถตัวเอง เดี๋ยวซ่อมรถคู่กรณี ปีหนึ่งๆ หลายครั้ง ไม่มีความระมัดระวังในการขับรถ โดยอ้างว่าเป็นสิทธิที่จะเคลมเพราะซื้อประกันมาแล้ว เคลมนะมัน เคลมได้ แต่อย่างนี้เรียกว่าใช้ประกันไม่เป็นไม่คุ้ม ! เพราะรถเราซื้อมาใช้ เราควรจะใช้ได้ครบ 365 วัน ไม่ใช่ไปซ่อมในอู่ 3 เดือน 6 เดือน นอกจากไม่ได้ใช้ แล้ว รถที่ชนมากเคลมมากซ่อมมาก ยังทำให้รถช้ำมากเสื่อมค่าราคาตกในตอนขายต่อ ในปีต่ออายุ ประกันเบี้ยประกันก็จะถูกปรับเพิ่ม ทำให้ต้องจ่ายเบี้ยแพงขึ้นอีก อย่างนี้รับรองว่าใช้ประกันไม่คุ้มแน่นอน คำว่า “คุ้ม” จึงหมายถึง การที่จ่ายน้อยลงไปเรื่อยๆ ประหยัด แต่ยังได้ประโยชน์สูงสุดในทุกๆ ด้าน ไม่ใช่ยิ่งใช้ยิ่งแพง ยิ่งใช้ยิ่งมีมูลค่าเสื่อมถอย มันคุ้มหรือ จริงไหมครับ เรียบเรียงจาก: autoinfo.co.th - www.autoinfo.co.th คำค้นหา ............. ประกันภัยรถยนต์ พรบ. ประกันประเภท 1 ประกันชั้น1 อุบัติเหตุ เคลมประกัน ใช้ประกันอย่างไรให้คุ้ม บทความที่เกี่ยวข้อง .............