สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT) เปิดงานเสวนาในหัวข้อ “10 ปี EVAT รักจริง…ไม่ทิ้งกัน” ซึ่งเป็นงานเสวนาที่เป็นการเเลกเปลี่ยนมุมมองด้านยานยนต์ไฟฟ้ากับผู้นำองค์กรชั้นนำทั้งในไทย และต่างประเทศ

สุโรจน์ เเสงสนิท นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทยพร้อมด้วย ดร.เกรียงศักดิ์ วงศ์พร้อมรัตน์ ผู้อำนวยการ สถาบันยานยนต์, ไพลิน เทียนสุวรรณ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม, รศ.ดร.ยศพงษ์ ลออนวล นายกสมาคมกิตติมศักดิ์ และที่ปรึกษาสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย, นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI), ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานบริษัท สื่อสากล จำกัด และประธานจัดงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42”, กฤษฎา อุตตโมทย์ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย, อภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), Edmund Arega President of Asian Federation Electric Vehicle Association (AFEVA) และ Dato’ Dennis Chuah President of Electric Vehicle Association of Malaysia (eVAM) ร่วมเปิดงานเสวนาในหัวข้อ “10 ปี EVAT รักจริง…ไม่ทิ้งกัน” ซึ่งเป็นงานเสวนาที่เป็นการเเลกเปลี่ยนมุมมองด้านยานยนต์ไฟฟ้ากับผู้นำองค์กรชั้นนำทั้งในไทยและต่างประเทศ
นอกจากนี้ ทางนายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้า ยังได้ร่วมลงนามกรอบบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น และสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย นอกจากนี้ ยังมีพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจอีก 1 ฉบับ ระหว่างสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย และสมาคมจักรยานไฟฟ้าอัจฉริยะไต้หวัน (Taiwan Smart Electric Bicycle Association)

ด้านสุโรจน์ เเสงสนิท นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสที่ สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย ครบรอบ 10 ปี สิ่งที่เรามุ่งมั่น และผลักดันมาโดยตลอด คือ การผลักดันให้ไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าส่งออกไปยังต่างประเทศโดยเฉพาะการส่งออกสู่ยุโรป ที่จะทำให้ประเทศมีโอกาสในการสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ซึ่งในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาเราได้เน้นการสร้างคนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นนิสิต นักศึกษา คณาจารย์ ผ่านมุมมอง และการผลักดันอย่างเข้มข้น โดยผู้ก่อตั้งสมาคมฯ และที่ปรึกษานายกสมาคมกิตติมศักดิ์ รศ.ดร.ยศพงษ์ ลออนวล ถัดมาในยุคที่ กฤษฎา อุตตโมทย์ เป็นนายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้า ก็ได้มีการสร้างเครือข่ายพันธมิตรทั้งด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ในต่างประเทศ ที่สามารถช่วยยกระดับอุตสาหกรรมในบ้านเราให้เติบโตในยุคปัจจุบัน โดยกระผมได้ดำรงตำแหน่งเป็นนายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย มากว่า 1 ปี ณ โอกาสนี้ เราได้พยายามผลักดันอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าไทย ให้มีความสามารถทางการเเข่งขันในการส่งออก เพื่อเพิ่ม GDP ประเทศ และนอกจากเพิ่มกำลังการส่งออกสร้างรายได้ให้ประเทศเเล้ว ท้ายที่สุดแรงงานในประเทศของเราก็จะมีรายได้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย สมาคมฯ ยังคงยืนยันในการเดินหน้าพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าต่อไป

พร้อมกันนี้ ยังได้ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น และสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT) เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้านการพัฒนากำลังคน การยกระดับองค์ความรู้ และการส่งเสริมเทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่และยานยนต์ไฟฟ้า โดยมีวัตถุประสงค์ร่วมกันในการพัฒนาหลักสูตร และการเรียนการสอน การพัฒนานักศึกษา และคณาจารย์ การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ รวมถึงการวิจัย และพัฒนานวัตกรรมด้านยานยนต์ไฟฟ้า
ทั้งนี้ บันทึกความร่วมมือดังกล่าวมีระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี นับจากวันลงนาม พร้อมเปิดโอกาสให้ขยายระยะเวลาเพิ่มเติมตามความเหมาะสม เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ ยังมีพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย และสมาคมจักรยานไฟฟ้าอัจฉริยะไต้หวัน (Taiwan Smart Electric Bicycle Association: TSEBA) เพื่อเสริมสร้างการสื่อสาร และเชื่อมโยงระบบนิเวศนวัตกรรมด้านจักรยานไฟฟ้าระหว่างไทย และไต้หวัน โดยมุ่งส่งเสริมการแลกเปลี่ยนข้อมูลเทคโนโลยี การจับคู่ธุรกิจ การเยี่ยมชม และกิจกรรมร่วมกัน ตลอดจนความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน การถ่ายทอดเทคโนโลยี การวิจัย และพัฒนา และการจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายต่อภาครัฐ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมของทั้ง 2 ประเทศ อีกทั้งยังร่วมมือด้านการบริหารจัดการคาร์บอนเครดิท เพื่อผลักดันเป้าหมายด้านความยั่งยืน โดยบันทึกข้อตกลงนี้มีผลตั้งแต่วันลงนาม เป็นระยะเวลา 3 ปี และสามารถขยายต่อได้อีก 3 ปีตามความเห็นชอบของทั้ง 2 ฝ่าย