Suzuki Ertiga Hybrid เอมพีวีพลังไฮบริด (เผยราคาใน Motor Expo 2022)
Suzuki Ertiga คือ เอมพีวีของค่ายรถสัญชาติญี่ปุ่นที่ทำตลาดมาพักหนึ่งแล้ว มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ถือเป็นครั้งแรกของค่ายรถแห่งนี้ในประเทศไทย นั่นคือ การเปลี่ยนขุมพลังแบบเบนซิน 1.5 ลิตร มาเป็นแบบไฮบริดขนาดเล็ก (หรือที่เรียกกันว่า Mild Hybrid) กับ Ertiga Hybrid มาดูระบบการทำงาน และการทดลองขับเป็นระยะทางสั้นๆ แต่มีความหลากหลายที่ จ. เชียงใหม่
สเปคเบื้องต้นของระบบไฮบริด
Suzuki Ertiga Hybrid มีระบบไฮบริดขนาดเล็กที่ประกอบไปด้วย เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 105 แรงม้า ที่ 6,000 รตน. แรงบิดสูงสุด 14.1 กก.-ม. ที่ 4,400 รตน. เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ (เหมือนกับรุ่นปกติทุกประการ) ขณะที่มอเตอร์ไฟฟ้า มีกำลังสูงสุดที่ 3.1 แรงม้า (หรือ 2.3 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุด 5.1 กก.-ม. กับแบทเตอรีแบบลิเธียม-ไอออน ขนาดกะทัดรัด (ความจุ 6 แอมพ์ชั่วโมง 12 โวลท์) ติดตั้งข้างใต้เบาะนั่งด้านข้างผู้ขับ
หน้าที่ของแบทเตอรีชุดนี้ คือ การส่งกำลังเสริมให้แก่เครื่องยนต์สันดาปในจังหวะที่เหมาะสม เช่น ขณะสตาร์ทเครื่องยนต์ภายใต้ระบบ Auto Start/Stop และขณะกดคันเร่งเพื่อเพิ่มความเร็ว นอกจากนี้ ยังสามารถนำพลังงานจากการชะลอความเร็วของตัวรถแปลงกลับมาใช้เป็นพลังงานไฟฟ้าป้อนเข้าสู่ชุดแบทเตอรีได้ เช่น ขณะผู้ขับเหยียบแป้นเบรค และขณะที่ผู้ขับถอนเท้าจากคันเร่ง ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่น่าสนใจของระบบไฮบริด
การทำงานของระบบ Smart Hybrid
ทางผู้ผลิตติดตั้งชุดควบคุมเพิ่มเติม นั่นคือ ISG หรือ Integrated Stater Generator โดยใช้ชุดสายพานต่อเนื่องกับเครื่องยนต์ เป็นจุดที่ระบบไฮบริดสามารถเสริมกำลังการขับเคลื่อนพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตรได้ รวมถึงการสตาร์ทเครื่องยนต์จากระบบ Auto Start/Stop (การสตาร์ทเครื่องยนต์ตามปกติจะเกิดขึ้นเฉพาะครั้งแรกขณะสตาร์ทรถด้วยผู้ขับเท่านั้น)
ประโยชน์สำคัญมากๆ ของการทำงานจากระบบไฮบริด คือ การประหยัดเชื้อเพลิง โดยทาง Suzuki เผยว่า Ertiga Hybrid มีการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย (ตามข้อมูลของ Eco Sticker) ที่ 17.9 กม./ลิตร ประหยัดกว่า Ertiga (มีตัวเลขที่ 15.9 กม./ลิตร) รุ่นปกติถึง 13 % จากจำแนกสภาวะการขับขี่ ในตัวเมือง รุ่น Hybrid ทำได้ที่ 15.9 กม./ลิตร ส่วนรุ่นปกติ คือ 12.7 กม./ลิตร (รุ่น Hybrid ประหยัดกว่าถึง 25 %) ส่วนการขับขี่นอกเมือง หรือทางไกล รุ่น Hybrid คือ 19.2 กม./ลิตร และรุ่นปกติ คือ 18.5 กม./ลิตร (รุ่น Hybrid ประหยัดกว่าที่ 4 %)
ความรู้สึกจากการทดลองขับ
ขณะที่ในแง่ของอัตราเร่ง แม้ผู้ผลิตจะไม่ได้ระบุมาโดยตรง แต่จากการทดลองขับ เราพบว่าอัตราเร่งโดยรวมของ Suzuki Ertiga Hybrid ไม่แตกต่างจากรุ่นปกติมากนัก ความรู้สึกที่พอสัมผัสได้ คือ ขณะกดคันเร่งลึก เสมือนการเร่งแซง เราพบว่ามอเตอร์ไฟฟ้ามีการเสริมพละกำลังให้แก่เครื่องยนต์ชั่วขณะหนึ่ง ขณะการไต่ความเร็วจึงมีความไหลลื่น และเนียนกว่าปกติ โดยที่รอบเครื่องยนต์ไม่โหนสูงจนเกินไป การทำงานของระบบ Auto Start/Stop มีจังหวะที่เนียนพอใช้ได้ (แม้ขณะจอดนิ่ง และเครื่องยนต์ดับ ระบบปรับอากาศจะลดการทำงานด้วยเช่นกัน) การใช้งานระบบไฮบริดที่ทาง Suzuki เรียกชื่อว่า Smart Hybrid แม้ระบบโดยรวมจะมีขนาดเล็ก แต่สามารถเสริมการขับขี่ และการหมุนเวียนพลังงานมาใช้งานได้อย่างแนบเนียน ผู้ขับสามารถทำการขับขี่ได้ตามปกติเหมือนเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรเดิม แต่ได้สมรรถนะ และการประหยัดเชื้อเพลิงกลับมาในระดับที่เหมาะสม ส่วนระบบรองรับ และการบังคับควบคุม ยังคงเน้นความนุ่มนวล แต่มีการหักเลี้ยวที่แม่นยำ (การปรับแต่งระบบรองรับเหมือนกับ Ertiga รุ่นปกติทุกประการ)
Hybrid ทั้งที มีปรับโฉมเบาๆ
Suzuki Ertiga Hybrid มีการปรับโฉมเล็กน้อย โดยมีจุดเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัด คือ กระจังหน้าที่ใช้ลวดลายแบบใหม่ และส่วนท้ายรถจะเพิ่มขอบโครเมียมพาดยาว บริเวณเหนือโลโกของ Suzuki และตราสัญลักษณ์บ่งบอกว่า นี่คือ รุ่น Hybrid ส่วนภายในห้องโดยสารมีการใช้เบาะผ้าทั้ง 7 ตำแหน่ง แต่เปลี่ยนลวดลายแบบทูโทนใหม่ เพิ่มการตกแต่งด้วยวัสดุลายไม้โทนสีดำ แท่นชาร์จแบทเตอรีมือถือแบบไร้สาย (เดิมมีติดตั้งใน XL7 เท่านั้น) และที่ขาดไม่ได้ คือ จอแสดงผลแบบหลากหลายตรงกลางมาตรวัด ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการส่งกำลังของระบบไฮบริด รวมถึงพละกำลัง และแรงบิดของเครื่องยนต์ ส่วนล้อแมกยังคงใช้ขนาด 15 นิ้วเหมือนเดิม (ลวดลายแตกต่างกันไปตามแต่รุ่นย่อย) ขณะที่ความอเนกประสงค์ยังคงจัดเต็ม และหลากหลาย เนื่องจากแบทเตอรีมีขนาดเล็ก ติดตั้งข้างใต้เบาะด้านข้างผู้ขับ ไม่กินเนื้อที่ของการโดยสาร และการขนสัมภาระแต่อย่างใด การพับเบาะสามารถทำได้เหมือนรุ่นปกติ
สรุปเบื้องต้น
เอมพีวีอเนกประสงค์ ประหยัดดีมากในตัวเมือง
การมาถึงของระบบไฮบริด (รุ่นแรกของเซกเมนท์ !) ใน Suzuki Ertiga Hybrid ทำให้เอมพีวีรุ่นนี้มีความคุ้มค่ามากกว่าเดิม โดยเฉพาะในแง่ของการประหยัดเชื้อเพลิงขณะขับในตัวเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น นอกจากนี้ ยังมีการเสริมกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าขณะกดคันเร่ง ช่วยให้เร่งแซงได้ดีขึ้น ภายใต้พื้นที่ใช้สอยที่จัดเต็ม มีความอเนกประสงค์ที่หลากหลาย โดย Ertiga เตรียมเปลี่ยนมาเป็นรุ่น Hybrid ล้วนๆ (ไม่มีเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตรแบบรุ่นปกติเดิมอีกต่อไป) กับราคาที่เตรียมเผยในงาน Thailand International Motor Expo 2022 นี้
ตารางสเปคของ Suzuki Ertiga Hybrid รุ่น GL และ GX