Eco Car/Hybrid ปีหน้าจะถูกลงหรือไม่ ?

ในปี 2559 จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในวงการยานยนต์ไทย นั่นคือ การเริ่มใช้อัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ ซึ่งจะคิดตามอัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) แทนการคิดตามความจุกระบอกสูบแบบเดิม ที่ใช้กันมาตั้งแต่ปี 2527

โครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ เป็นโครงสร้างที่สนับสนุนรถยนต์ประหยัดพลังงาน ซึ่งเรามักจะนึกถึงอีโคคาร์ และรถยนต์ไฮบริดเป็นอันดับแรก จนผู้ที่วางแผนจะซื้อรถยนต์กลุ่มนี้เกิดความไม่แน่ใจว่า จะซื้อรถปีนี้ หรือปีหน้าดี

Eco Car Phase 1 ภาษีเท่าเดิมที่ 17 %

รถยนต์ อีโคคาร์ เฟส 1 เริ่มเข้าสู่ตลาดตั้งแต่ปี 2010 โดยมีเงื่อนไขหลักสองข้อคือ ต้องปล่อย CO2 ไม่เกิน 120 กรัมต่อกิโลเมตร อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 20 กิโลเมตรต่อลิตร และเงื่อนไขอื่นๆ ซึ่งรถยนต์เหล่านี้จะยังคงถูกเก็บเท่าเดิมที่ 17 % ซึ่งถือว่าต่ำอยู่แล้ว เพราะเป็นรถที่สะอาด และประหยัดพลังงาน

Eco Car Phase 2 ภาษีจาก 17 % เหลือ 14 %

รถยนต์ที่เข้าร่วมโครงการอีโคคาร์ เฟส 2 มีเงื่อนไขหลักๆ คือ ปล่อยไอเสียไม่เกิน 100 กรัมต่อกิโลเมตร อัตราสิ้นปลืองน้ำมันเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 23.25 กิโลเมตรต่อลิตร และติดตั้งระบบป้องกันล้อลอค และระบบควบคุมการทรงทุกรุ่น รถยนต์เหล่านี้ เดิมถูกคิดภาษีในอัตราเดียวกับอีโคคาร์ เฟส 1แต่หลังจากปี 2559 จะถูกคิดภาษีลดลง 3 % เหลือเพียง 14 % อย่างไรก็ตาม แม้ว่าภาษีจะถูกกว่าอีโคคาร์ เฟส 1 ก็ไม่ได้หมายความว่าราคาขายจะถูกกว่าเสมอไป เพราะยังมีปัจจัยอื่น เช่น ต้นทุนการผลิต ต้นทุนการวิจัยและพัฒนา ฯลฯ

Hybrid บางรุ่น ภาษีอาจเพิ่ม จาก 10 % เป็น 20 %

เมื่อพูดถึงรถยนต์ไฮบริด สิ่งแรกที่นึกถึงคือ รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์กึ่งไฟฟ้า เน้นความประหยัดเป็นหลัก ไม่เน้นสมรรถนะ แต่ในปัจจุบัน รถยนต์กลุ่มนี้มีหลากหลายยิ่งขึ้น ทั้งรุ่นที่สร้างขึ้นเพื่อความประหยัด กับรุ่นที่สร้างขึ้นเพื่อความแรง ซึ่งมีอัตราสิ้นเปลืองสูง

ในปัจจุบัน รถยนต์ไฮบริดทุกรุ่นถูกคิดภาษีเท่ากันหมดที่ 10 % เท่านั้น ซึ่งต่ำกว่าอีโคคาร์ และรถยนต์นั่งทุกชนิด ดังนั้น ภาษีรถใหม่ปี 2559 จึงต้องปรับเพื่อให้สอดคล้องกับอุตสาหกรรมรถยนต์ในปัจจุบัน โดยรถไฮบริดที่จะเสียภาษี 10 % จะต้องปล่อยไอเสียไม่เกิน 100 กรัมต่อกิโลเมตร ส่วนรุ่นที่ปล่อยเกินจากนี้ จะถูกขึ้นภาษีเป็น 20 % ซึ่งก็ถือว่ายังไม่สูงนัก เมื่อเทียบกับอัตราภาษีของรถยนต์นั่งรูปแบบอื่น

ภาษีรถยนต์ปี 2559 ได้แสดงให้เห็นว่า ยิ่งรถยนต์ที่ปล่อยไอเสียต่ำเพียงใด ก็จะยิ่งเสียภาษีถูกลงเท่านั้น นอกจากจะเป็นการปรับเพื่อให้สอดคล้องกับอุตสาหกรรมรถยนต์ในปัจจุบันแล้ว ยังเป็นช่วยให้รถยนต์โดยรวมในประเทศไทย ประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้นอีกด้วย