Sep 2 , 2016 "สลับยาง" เพื่ออะไร ? อายุการใช้งานของ “ยาง” หลายท่านยังเข้าใจว่า ต้องเปลี่ยนทุก 30,000 บ้าง 40,000 กม. บ้างหรือไม่ก็เปลี่ยนทุก 2 ปีบ้าง ที่จริงยางรถยนต์สามารถใช้งานได้นานกว่าดอกยางจะหมดเลยทีเดียว ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น แรงดันลมยาง การรับน้ำหนักของยาง สภาพถนน ลักษณะการขับขี่สภาพของตัวรถ ช่วงล่าง และอุณหภูมิของพื้นผิวถนน การใช้งานที่บอกว่าใช้ได้จนกว่าดอกจะหมดนั้นหมายถึง กรณีที่ยางไม่มีอาการเสียหาย เช่น บิดเบี้ยวเสียรูป มีร่องรอยการปริแตกฉีกขาด ฯลฯ ก็สามารถใช้งานได้จนกว่าดอกจะหมด เพียงแต่ความกระด้างจะมีมากขึ้น เนื่องจากเนื้อยางแข็งกระด้างเสียงยางจะดังมากขึ้น รวมทั้งประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนและการเบรคลดลงด้วย แต่ยังสามารถใช้งานได้ ต้องเพิ่มความระมัดระวัง (แต่ถ้ามีสตางค์ อย่าปล่อยให้ถึงขนาดนั้นเลย หาโอกาสเปลี่ยนใหม่ดีกว่า สบายใจกว่ากันเยอะ) ส่วนการแตกลายงาของเนื้อยางนั้น เป็นเรื่องปกติเพราะส่วนผสมที่เกี่ยวข้องกับความเงางาม เช่น แวกซ์สลายตัวออกไป ซึ่งการแตกลายงานั้นคนละแบบกับอาการปริแตกของเนื้อยาง ยิ่งถ้ามีการสลับยางทุกๆ 10,000 กม. ถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะช่วยให้ยางแต่ละเส้นมีการสึกหรอที่ใกล้เคียงกัน สามารถใช้ยางได้อย่างมีประสิทธิภาพเต็มอายุการใช้งาน ดังที่กล่าว การสลับยาง ไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงระยะที่กำหนดเสมอไป ถ้าตรวจเชคเป็นประจำ แล้วพบหน้ายางนั้นเริ่มมีการสึกหรอที่ผิดปกติเกิดขึ้น ต้องทำการตรวจเชคและแก้ไขหาสาเหตุที่เกิดขึ้นก่อนแล้วจึงสลับยางใหม่ ไม่ต้องรอให้ถึงระยะที่กำหนดการสึกหรอที่ผิดปกติจะมากขึ้นจนแก้ไขไม่ได้ก็ต้องเปลี่ยนยางใหม่โดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะผู้ที่วิ่งทางไกลและใช้ความเร็วสูงเป็นประจำ การสึกหรอยิ่งเกิดเร็วขึ้น และอาจจะต้องเปลี่ยนยางเร็วกว่าที่ควรจะเป็นด้วยซ้ำ ●ที่กล่าวมาทั้งหมดคือ เหตุผล ทำไมต้องสลับยาง ? หลายคนใช้รถมา ไม่เคยรู้เลยว่ารถของตัวเองต้องสลับยาง (เว้นถ้าเข้าศูนย์บริการเพื่อเช็คระยะ ช่างอาจมีการแนะนำให้สลับยาง) และก็มีหลายคนย้อนถาม ทำไมต้องสลับยาง ? เพราะยางรถยนต์ ถูกออกแบบมาให้ทนต่อสภาพแวดล้อม รวมถึงต้องสามารถรับน้ำหนักบรรทุก โดยไม่ทำให้การทรงตัวของรถเปลี่ยนแปลง การวิ่งไปในเส้นทางต่างๆ ย่อมส่งผลให้มีการสึกหรอของยางด้านหนึ่งด้านใดไม่เท่ากัน ดังนั้นเมื่อใช้รถยนต์ไปได้สักระยะหนึ่ง หรือประมาณ 10,000 กม. ควรสลับยางระหว่างล้อคู่หน้า กับล้อคู่หลัง เพื่อให้ดอกยางล้อคู่หน้า กับคู่หลัง มีการสึกหรอที่เท่าเทียมกันนั่นเอง ซึ่งจะช่วยให้สามารถใช้ประสิทธิภาพของยางได้เต็มที่ทุกเส้น แถมยังช่วยยืดอายุของยางอีกทางหนึ่งด้วย เพราะยางรถยนต์ เป็นส่วนประกอบหนึ่งเดียวของรถ ที่ต้องเสียดสีกับพื้นถนนอยู่ตลอดเวลา เป็นผลให้เกิดการสึกหรอเร็วกว่า... สลับยางทำได้ไม่ยาก เพียงแวะเข้าใช้บริการศูนย์จำหน่าย-บริการยางใกล้บ้านคุณได้เลยราคาไม่กี่บาท แต่เดี๋ยวนี้ศูนย์จำหน่าย-บริการ ต่างก็มีโปรโมชัน เมื่อเปลี่ยนยางกับที่ร้าน มักแถมบริการสลับยาง+ถ่วงล้อ ฟรี ! พ่วงเข้าไปด้วย ●แล้วถ้าไม่สลับยางล่ะ ? ถ้าไม่สลับยางตามระยะเวลาที่กำหนด การสึกหรอของยางทั้ง 4 เส้นจะไม่เท่ากัน ยางมักจะสึกบริเวณขอบนอกหรือขอบในของยาง ทำให้หน้าสัมผัสระหว่างยางกับพื้นถนนน้อยลง ประสิทธิภาพการยึดเกาะจึงน้อยลงตามไปด้วย พวงมาลัยจะเบี้ยวไม่ตรง มักจะกินซ้ายหรือขวาเล็กน้อย นอกจากนี้ การสึกของยางที่ไม่เท่ากันมากๆ เวลาเบรคแรงๆ มักจะดึงซ้ายหรือดึงขวาไปด้านใดด้านหนึ่ง หากเกิดขึ้นขณะใช้ความเร็วสูงๆ อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้อีกด้วย การสึกหรอของยางคู่หน้าจะมีมากกว่ายางคู่หลังโดยเฉลี่ย 2-3 เท่า เป็นผลมาจากภาระต่างๆ จะตกอยู่ที่ล้อคู่หน้าเป็นส่วนใหญ่ การบังคับทิศทางการเลี้ยวก็ตกอยู่ที่ด้านหน้า รวมถึงการเบรคลดความเร็วรถ ก็ล้อคู่หน้าเช่นเดียวกัน ทีนี้ก็คงหายสงสัยแล้วใช่ไหมว่า ทำไมยางรถของเรา ของเพื่อน ดอกยางหน้าหัวโล้นจัง...เอ๊ะ ! ทำไมดอกยางซ้าย-ขวา ไม่เท่ากัน !!... "การเติมลมยาง" ก็มีส่วน...บอกแล้ว ยาง คุยกันทั้งวันก็ไม่มีวันจบ!!?? เรียบเรียงจาก AUTOINFO Online บทความที่เกี่ยวข้อง : ดูวิธีสลับยางด้วยตัวเอง มาสลับยางกันเถอะ : ตรวจเชคยางรถยนต์ : ตรวจเชคยางรถยนต์ เสียเวลาสักนิด ชีวิตจะปลอดภัย ! ภาพที่เกี่ยวข้อง ............. คำค้นหา ............. ยางรถ สลับยางเพื่ออะไร ควรสลับยางทุกๆ กี่โล รู้ได้ไงว่ายางหมดสภาพ อุบัติเหตุ สลับยางเพื่อยืดอายุการใช้งานของยาง บทความที่เกี่ยวข้อง .............