ที่ผ่านมามีการนำเสนอข้อมูลความคิดเห็น ที่ไม่ตรงต่อความเป็นจริงบางประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นการคิดอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ที่มีการเผยแพร่ในโซเชียลมีเดียว่าเป็นแบบอัตราดอกเบี้ย 'ลดต้น ลดดอก' เหมือนกับสัญญากู้ยืมเงินเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย

เกี่ยวกับแบบสัญญาให้เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ตามประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ เป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พศ. 2561 ปรับแก้เพื่อลดการเอาเปรียบผู้บริโภค จากผู้ประกอบธุรกิจหรือไฟแนนศ์ ที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2561 นั้น

เพื่อไขข้อข้องใจ ทีมงาน AutoinfoOnline สัมภาษณ์ พิฆเนศ ต๊ะปวง รองเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ยืนยันไม่ได้คิดดอกเบี้ยการผ่อนรถแบบ “ลดต้นลดดอก” มาฝากดังนี้ 

Clip สัมภาษณ์ พิฆเนศ ต๊ะปวง รองเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)

อ่านง่ายๆ 

วิธีคิดดอกเบี้ยเหมือนเดิม

"การคิดดอกเบี้ยเช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ยังคงใช้แบบ เงินต้นคงที่ (Flat Rate) เหมือนเดิม” ตามที่ใช้ในการคำนวณค่าเช่าซื้อในแต่ละงวด

ต้องบอก...ตารางแสดงภาระหนี้ ตามสัญญาเช่าซื้อ

ผู้ประกอบธุรกิจหรือไฟแนนศ์ต้องทำตารางแสดงภาระหนี้สินตามสัญญาสำหรับผู้เช่าซื้อแต่ละราย โดยให้ระบุอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต่อปี (Effective Interest Rate) เพื่อประโยชน์กับผู้บริโภคให้ได้รับทราบภาระดอกเบี้ยที่แท้จริงต่อปี (Effective Interest Rate) ซึ่งถูกนำมาใช้ในการหักทอนเงินต้นแบบลดต้นลดดอกตามตัวอย่าง ดังนี้ 

ปิดบัญชีต้องได้รับส่วนลด

หากผู้เช่าซื้อประสงค์จะปิดบัญชีค่าเช่าซื้อ หรือชำระทั้งหมดในคราวเดียวก่อนครบกำหนดสัญญา ผู้เช่าซื้อจะได้ส่วนลดเงินคืนดอกเบี้ยที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระร้อยละ 50

ค่าปรับผิดนัดชำระ (ชำระล่าช้า) ดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 15 % ต่อปี

ในกรณีผู้เช่าซื้อผิดชำระค่างวด (จ่ายล่าช้า) ให้่ไฟแนนศ์คิดเบี้ยปรับผู้เช่าซื้อรถได้ไม่เกินอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต่อปี (Effective Interest Rate) บวกร้อยละ 3 แต่ ไม่เกินอัตราร้อยละ 15 % ต่อปี

ถ้ารถโดนยึด (ผู้เช่าซื้อ/ผู้ค้ำ ได้สิทธิ์ก่อน)

หากรถโดนยึด ต้องให้สิทธิ์ผู้เช่าซื้อก่อน โดยผู้เช่าซื้อสามารถซื้อคืนได้เป็นอันดับแรก และถ้่าผู้เช่าซื้อไม่ซื้อคืนภายใน 7 วัน ผู้ค้ำ จะได้สิทธิ์ซื้อคืนแทนผู้เช่าซื้อภายใน 15 วัน และก่อน-หลังขายนำรถไปประมูลขายหรือขายทอดตลาด ไฟแนนศ์ต้องทำหนังสือให้ผู้เช่าซื้อและผู้ต้ำประกันทราบทุกครั้ง และต้องแจ้งให้ผู้เช่าซื้อรับทราบด้วยว่าจะนำรถไปขายที่ไหน

ห้ามไฟแนนศ์เก็บเงิน หรือค่าใช้จ่ายใดๆ นอกเหนือจากที่ประกาศกำหนด 

ไฟแนนศ์ไม่สามารถคิดค่าติดตามรถได้ ในกรณีมีการบอกเลิกสัญญา (เนื่องจากเป็นหน้าที่ของไฟแนนศ์ที่มีหน้าที่ติดตามเอารถยนต์หรือรถจักรยานยนต์กลับคืน) ยกเว้นค่าธรรมเนียมจากกรมการขนส่งทางบก ดังนี้...

- ค่าภาษีรถประจําปี

- เงินเพิ่มเนื่องจากการต่อภาษีล่าช้า 
- ค่าธรรมเนียมเปลี่ยนเครื่องยนต์ สีรถ ชนิดเชื้อเพลิง (ต่อรายการ)
- ค่าธรรมเนียมการโอนทะเบียนรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ 
- ค่าธรรมเนียมแผ่นป้ายทะเบียนรถ
- ค่าธรรมเนียมใบแทนเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีรถ

- ค่าปรับเนื่องจากการเปลี่ยนเครื่องยนต์ สีรถ และชนิดเชื้อเพลิง 
- ค่าเบี้ยประกันภัยตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ
-ค่าทวงถามค่างวด (ตามความเป็นจริง)

สัญญาเช่าซื้อรถใหม่ คุ้มครองเฉพาะ

1. ต้องเป็นบุคคลธรรมดาเท่านั้น (ไม่รวมนิติบุคคล)

2. รถที่เช่าซื้อเพื่อใช้สอยเท่านั้น (หากนำไปใช้เพื่อการพาขนส่ง การค้า ธุรกิจของตน จะไม่ได้รับการคุ้มครองตามประกาศ ฯ ฉบับนี้)

3. ไม่มีผลย้อนหลังสำหรับผู้ที่ทำสัญญาเช่าซื้อก่อนวันที่ 1 กรกฎาคม 2561

ไขข้อข้องใจ ทำไม ? การทำสัญญาเช่าซื้อรถใหม่ จึงใช้วิธีผ่อนแบบ 'ลดต้นลดดอก' ไม่ได้ 

เพราะมูลค่าทรัพย์ไม่เหมือนบ้าน 'รถ' เมื่อซื้อไปแล้ว มูลค่าจะลดลงไปเรื่อยๆ ซึ่งต่างกับบ้าน ที่มีแนวโน้มมีมูลค่าสูงขึ้นตามระยะเวลา อีกทั้งต้องทำตามมาตรฐานสากลทั่วไป เพื่อรักษามาตรฐานการบัญชี

รายละเอียดประกาศฉบับเต็ม คลิคที่นี่

ถ้าซื้อรถยนต์และจักรยานยนต์ แล้วถูกเอาเปรียบ ต้องทำอย่างไร

1. ติดต่อสายด่วน 1166

2. ร้องเรียนที่ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ. ) อาคาร รัฐประศาสนภักดี ชั้น 5 ศูนย์ราชการ ฯ ถ. แจ้งวัฒนะ 

3. ต่างจังหวัด ที่ศาลากลางทุกจังหวัด

4. หรือส่งจดหมายมาที่ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) 120 อาคารรัฐประศาสนภักดี ชั้น 5 ศูนย์ราชการ เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 ถ. แจ้งวัฒนะ