Feb 10 , 2017 อ่านแล้ว 5,866 ครั้ง อย่าซ่อมรถก่อนเดินทางไกล... ควรเชื่อไหม ? อย่าซ่อมรถก่อนเดินทางไกล จริงหรือไม่ ? คำตอบ คือ ถูกทั้ง 2 ข้อ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ หมายถึงการซ่อมนะครับ อย่าสับสนว่าหมายถึงการตรวจสภาพ หรือตรวจความพร้อม ซึ่งสำคัญมาก และเป็นสิ่งที่ควรทำทุกครั้งก่อนการเดินทางไกล ทำไมจึงควรตรวจสภาพรถก่อนเดินทางไกล ? มีบางคนยังเข้าใจผิดอยู่ แม้จะเป็นส่วนน้อย ว่าเพราะถ้ามีปัญหาอาจเกิดอันตรายถึงชีวิตหรือบาดเจ็บ เพราะใช้ความเร็วสูง ไม่ใช่นะครับ ก่อนอื่นเลยการใช้ความเร็วสูงเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่ออันตราย และยังผิดกฎหมายอีกด้วย จึงไม่ควรทำ และหากจะฝืนทำ ก็ไม่ต้องรอการเดินทางไกล มีทางด่วน ทางสายหลัก ให้เสี่ยงอันตรายได้ทุกโอกาสทุกเวลาอยู่แล้ว สาเหตุที่แท้จริงก็คือ หากเกิดความบกพร่องของรถจนขับต่อไปไม่ได้ขณะกำลังเดินทางไกล ความเดือดร้อนและความสูญเสียมันมากครับ อู่ใกล้ๆ ก็ไม่มี ไม่รู้จะตามช่างที่ไหนมาแก้ไข ถ้าจะส่งกลับมาซ่อม ก็ต้องโทรศัพท์ตามรถมายก แผนการท่องเที่ยวหรือพักผ่อนตามที่หวังไว้ พังทลายไปหมด ค่าที่พักที่ต้องจ่ายไปล่วงหน้า ไม่สามารถขอคืนได้ ถ้าเฉพาะค่ายกรถกลับก็เป็นหมื่นบาทแล้ว ฯลฯ นี่คือสาเหตุที่ทำให้เราควรตรวจสภาพรถก่อนเดินทางไกลเสมอ คราวนี้มาเข้าประเด็นตามชื่อเรื่อง เมื่อเจอความบกพร่องแล้ว ควรซ่อมก่อนเดินทางไกลหรือไม่ ? ตรงนี้แหละครับ ที่มีทั้งกรณีที่ควร และไม่ควร และยังมีกรณีที่ 3 ด้วย คือ ต้องรีบซ่อมโดยด่วน เช่น พบว่าระบบเบรคบกพร่อง มีน้ำมันเบรครั่วซึม หรือผ้าเบรคใกล้หมดมาก ยางแท่นเครื่องฉีกขาด ท่อน้ำหล่อเย็นปริ แก้มยาง หรือหน้ายางเป็นแผลฉีกจนมองเห็นเส้นใยของโครงสร้าง ฯลฯ ความบกพร่องทำนองนี้ อาจทำให้เกิดอันตรายร้ายแรง หรืออย่างน้อยก็อันตรายต่อเครื่องยนต์ (และเงินในกระเป๋า อาจถึงระดับแสนบาท ถ้าน้ำมันรั่วจนร้อนจัด และฝาสูบโก่งงอ บางรุ่น “ใส่” ไม่ได้ ต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งอัน) ส่วนแบบที่ยังไม่ต้องรีบซ่อมก็ได้ หรือถึงขั้นไม่ควรซ่อมนั้น เช่น พบว่ามีรอยน้ำมันเครื่องรั่วซึมเล็กน้อยที่ขอบอ่างน้ำมันเครื่อง หรือรั่วซึมที่ซีลหน้า หรือ/และหลังเครื่องยนต์ แบบนี้ใช้ต่อไปอีกได้หลายเดือน ไม่ต้องรีบซ่อม แล้วทำไมจึงบอกว่า “ไม่ควรซ่อม” ? ที่จริงแล้ว ไม่มีความบกพร่องของรถส่วนไหนที่ไม่ควรซ่อมหรอกครับ ในที่นี้ (หรือที่อื่น ที่มีคำแนะนำทำนองนี้ ทั่วโลกนะครับ) หมายถึงไม่ควรซ่อมก่อนเดินทางไกล เพราะมีความเสี่ยงจากความบกพร่องของผู้ซ่อม ซึ่งก็คือ ช่างนี่แหละครับ โดยเฉพาะช่างไทย ที่ไม่ใส่ใจหาความรู้ ความถูกต้อง ไม่มีความตั้งใจจริง งานซ่อมรถ แม้จะเป็นงานประจำ รถรุ่นเดียวกับที่เคยซ่อมมาแล้วหลายสิบหรือเป็นร้อยคัน ก็ยังต้องใช้สมาธิเสมอ ภาพประกอบจาก www.autoinfo.co.th คอลัมน์ : รอบรู้เรื่องรถ โดย: เจษฎา ตัณฑเศรษฐี นิตยสาร "ฟอร์มูลา" ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ 2560 ลองสังเกตช่างประกอบเครื่องยนต์ หรือส่วนอื่นของรถในโรงงานผลิต หรือช่างซ่อมรถในอู่ในประเทศที่พัฒนาแล้ว ทุกคนจะใช้สมาธิในการทำงาน ส่วนช่างไทยนั้น ฟังเพลงไปด้วย ตะโกนหยอกล้อ หรืออาจถึงขั้นกลั่นแกล้ง เตะถีบกันตอนเดินไปรับอะไหล่ก็ยังมี จึงไม่มีทางที่จะทำงานได้ถูกต้องสมบูรณ์ แม้แต่การตรวจหาความบกพร่อง ก็ยังชุ่ย มักง่าย ตรวจสภาพยาง ก็ขี้เกียจหมุนล้อ ตรวจสภาพสายพาน ก็มองเฉพาะส่วนที่มองเห็น ทั้งๆ ที่ต้องมองให้ครบทั้งเส้น ว่ามีรอยร้าว หรือแผลที่ใกล้ขาด บังเอิญไปคาดอยู่ในร่องหรือเปล่า ช่างที่ดี รอบคอบ จะต้องติดเครื่องยนต์แล้วดับอีก โดยจำตำแหน่งที่ตรวจแล้วไว้ ให้โอกาสส่วนที่เคยอยู่ในร่อง มาหยุดอยู่ในตำแหน่งที่มองเห็น การตรวจท่อน้ำหล่อเย็น จะต้องเปิดฝาหม้อไว้ แล้วบีบท่อน้ำดูว่า เนื้อยางยังไม่ร้าว แข็งกรอบ ฯลฯ เชื่อไหมครับว่ารถที่เราเห็นมีปัญหา ต้องจอดอยู่ข้างทาง ถ้ายอมให้เราไปตรวจสอบ วิเคราะห์หาสาเหตุผมรับรองเลยว่า 9 ใน 10 คัน เป็นเพราะผ่านการตรวจหรือซ่อม โดยช่างเฮงซวย สุดห่วย อย่างแน่นอน นี่คือที่มาของความจำเป็นในการเลือกว่าควรซ่อมรถของเราก่อนเดินทางไกลหรือไม่ แต่การตรวจสภาพนั้น ควรทำเสมอครับ พบความบกพร่องแล้ว ค่อยพิจารณา และตัดสินใจ ที่มาบทความ: www.autoinfo.co.th คอลัมน์ : รอบรู้เรื่องรถ โดย: เจษฎา ตัณฑเศรษฐี นิตยสาร "ฟอร์มูลา" ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ 2560 ภาพที่เกี่ยวข้อง ............. คำค้นหา ............. ซ่อมรถ ตรวจสภาพรถ ขับรถทางไกล อุบัติเหตุ บทความที่เกี่ยวข้อง .............