1. อุปกรณ์ฉุกเฉิน ควรมีติดรถยนต์
เตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉินในกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดฝัน
- ไฟฉาย มองหาสิ่งผิดปกติของรถในเวลากลางคืน- ครื่องมือช่าง ได้แก่ ไขควง คีม ประแจ เทปพันสายไฟ รวมถึงแม่แรง และประแจยางอะไหล่ หากมีส่วนใดในรถยนต์เสีย กรณีที่คุณมีความรู้เรื่องการซ่อมรถ ก็สามารถถอดออกมาซ่อมเองได้เบื้องต้น
- สายพ่วงแบตเตอรี่ เมื่อแบตหมด ไม่สามารถสตาร์ทรถได้ จำเป็นต้องใช้สายพ่วงแบตไปจัมพ์ไฟกับรถคันอื่น แนะนำให้เลือกซื้อสายพ่วงแบทเตอรีที่มีสายขนาดใหญ่ รองรับกระแสไฟ 400 Amp ขึ้นไป
- ฟิวส์สำรอง กรณีที่คุณมีความรู้เรื่องการซ่อมรถ เมื่ออุปกรณ์ไฟฟ้าในรถยนต์ เช่น ไฟส่องสว่าง ระบบปัดน้ำฝน มีอาการขัดข้อง อาจเกิดจากฟิวส์ขาด เนื่องจากไฟเกิน หรือชอท ดังนั้นควรมีฟิวส์สำรองติดรถไว้ แนะนำให้เลือกซื้อฟิวส์ที่ขายเป็นชุด เพราะมีหลายเบอร์ความต้านทาน
ดูรายละเอียดอุปกรณ์ช่วยเหลือได้ที่นี่
https://www.autoinfo.co.th/online/176543
2. ตรวจสภาพยางรถยนต์
การตรวจเช็คสภาพยาง ใช้แรงดันยางให้เหมาะกับรถ เพื่อการเกาะถนนได้ดีในวันที่ฝนตกหนัก และถนนลื่น
- ลมยางอ่อน ยางจะโค้งไม่ปกติ และไม่มีอากาศมากพอที่จะรับน้ำหนักรถยนต์ ลมยางมากไป หน้ายางจะสัมผัสกับพื้นถนนน้อยมาก ทำให้ระยะเบรคเพิ่มขึ้น ลมยางพอดี ยางจะปลอดภัย ประหยัดน้ำมัน- ความลึกของดอกยางมีผลโดยตรงต่อความปลอดภัยเมื่อขับบนถนนเปียก เพราะต้องช่วยรีดน้ำ ไม่ควรต่ำกว่า 3 มม. (ความลึกของดอกยางใหม่ 8-9 มม.)
- อายุของยาง ไม่ควรเกิน 6 ปี นับตั้งแต่วันที่ผลิต (ดูที่ตัวเลขด้านข้างของยาง เช่น 1020 หมายถึง สัปดาห์ที่ 10 ปี 2020) ทั้งนี้แล้วแต่คุณภาพ และการใช้งานของยาง ว่าจะเสื่อมสภาพเร็วแค่ไหน
ดูรายละเอียดการตรวจสภาพยางรถยนต์ได้ที่นี่
https://autoinfo.co.th/article/438897
3. เช็คระบบไฟ สัญญาณเตือนต่างๆ
ตรวจสอบไฟทุกๆ จุด ก่อนการเดินทางให้อยู่ในสภาพดี ลองทดสอบโดยการเปิดปิดดูว่าสามารถให้สัญญาณได้อยู่ เพื่อให้เห็นได้ชัดเจนในสภาพฝนตกหนัก และเป็นสัญญาณให้เพื่อนร่วมทางคันอื่นๆดูรายละเอียดไฟโชว์บนหน้าปัดได้ที่นี่
https://www.motorexpo.co.th/knowledge/1238
4. ตรวจที่ปัดน้ำฝน
ใบปัดน้ำฝนถ้าเก่าทำงานไม่ดี ปัดแล้วกระจกมัว เป็นเส้นๆ ทำให้มองเห็นไม่ชัดเจน อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายๆ ควรเปลี่ยนที่ปัดน้ำฝนทันที สามารถเลี่ยนได้เอง หรือไปให้ช่างผู้เชี่ยวชาญทำให้ก็ได้ดูรายละเอียดการเปลี่ยนที่ปัดน้ำฝนได้ที่นี่
https://autoinfo.co.th/online/219991
5. ตรวจสอบระบบเบรก โดยช่างผู้เชี่ยวชาญ
ระบบเบรกเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ควรเช็คผ้าเบรก และน้ำมันเบรกให้อยู่ในสภาพพร้อมเดินทาง เพื่อให้ระบบเบรกทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพปลอดภัยตลอดการเดินทางของคุณ6. เช็คแบตเตอรี่
เนื่องจากแบตเตอรี่ส่วนใหญ่มีอายุเฉลี่ยประมาณ 2-3 ปี เพราะแบตเตอรี่เป็นอุปกรณ์หลักสำหรับระบบไฟฟ้าในรถยนต์ มีหน้าที่สำรองไฟสำหรับระบบต่างๆ ควรตรวจสอบบ่อยๆ ด้วยตัวเองหรือโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ เพื่อป้องกันการสตาร์ทรถไม่ติดดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่
https://www.autoinfo.co.th/article/383516
7. ขับขี่รถของท่านอย่างระมัดระวัง ในสภาพฝนตก
เพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ขณะฝนตกลดความเร็ว หมั่นสังเกตสภาพถนนให้มากขึ้น สังเกตระดับความลึกจากรถคันหน้าหรือขอบทางเท้า และเพิ่มระยะห่างจากรถคันหน้าเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ สำหรับรถจักรยานยนต์ หากฝนตกหนักควรหาที่จอดรถที่เหมาะสม ปลอดภัย และรอจนฝนเบาลงก่อนจึงเดินทางต่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่
https://www.autoinfo.co.th/article/464347
คำค้นหา