Nov 17 , 2022 Volvo ยกระดับการเดินทางด้วยระบบเชื่อมต่อ และมัลทิมีเดีย วอลโว่ คาร์ ประเทศไทยฯ ยกระดับประสบการณ์การเดินทางด้วยรถยนต์ Volvo Recharge Plug-In Hybrid โฉมใหม่ล่าสุด ที่ไม่เพียงให้ระยะการขับขี่ด้วยพลังแบทเตอรีที่ไกลขึ้น แต่ยังมอบความสะดวกสบายให้การควบ คุมรถ และความสุนทรีย์ตลอดการเดินทางด้วย ICUP ระบบเชื่อมต่อ และมัลทิมีเดียเพื่อความบันเทิงใหม่ล่าสุด และแอพพลิเคชัน Volvo Car App ที่ออกแบบมาเพื่อมอบความอิสระ และความอุ่นใจในการควบคุมรถยนต์ Volvo รุ่นใหม่ล่าสุด อัตลักษณ์ด้านดีไซจ์นที่บ่งบอกความเป็นตัวคุณได้ดียิ่งกว่าเดิม เพิ่มความลงตัวทางด้านดีไซจ์นภายนอกให้ดูโฉบเฉี่ยว และทันสมัยมากยิ่งขึ้นด้วยตราสัญลักษณ์ Volvo ที่ด้านหน้ารถยนต์ Recharge Plug-In Hybrid รุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งถูกออกแบบให้นูนขึ้นในแบบ 3 มิติ, กันชนหน้า และกันชนท้ายมีลูกเล่นสะดุดตามากขึ้นพร้อมเก็บรายละเอียดของท่อไอเสียให้เนียนไปกับด้านท้ายของตัวรถ, ล้อขนาด 19 นิ้ว แบบ 5 ก้าน ดีไซจ์น Triple Spoke Black Diamond Cut เสริมบุคลิกให้รถรุ่น Volvo S60 Re charge T8 Plug-In Hybrid และ Volvo V60 Recharge T8 Plug-In Hybrid ดูทรงพลัง และสำหรับในรุ่น Volvo XC40 Recharge T5 Plug-In Hybrid นอกจากจะได้รับการรีฟเรชดีไซจ์นที่คล้ายคลึงกันแล้ว ยังได้มีการเปลี่ยนโฉมไฟหน้าให้เป็นแบบ T-Shaped พร้อมเสริมประสิทธิภาพให้การตรวจจับเท้าเตะเพื่อเปิด/ปิดฝากระโปรงหลังทำได้สะดวกยิ่งขึ้นด้วยเซนเซอร์ที่มีรัศมีกว้างขึ้น ทั้งมอบความพิเศษกว่าเดิมด้วยสีใหม่ล่าสุด Bright Dusk ยกระดับการเดินทางด้วยดีไซจ์น และความสุนทรีย์ในห้องโดยสาร ให้ประสบการณ์ในทุกการเดินทางด้วยรถยนต์ Volvo Recharge Plug-In Hybrid เป็นทริพแห่งความทรงจำด้วยการออกแบบภายในห้องโดยสารที่ปรับโฉมใหม่ อาทิ ชิ้นส่วนตกแต่งลาย Topography ที่ได้แรงบันดาลใจ มาจากภูมิทัศน์ของเทือกเขาในประเทศสวีเดน ในห้องโดยสารสี Charcoal ของรถยนต์ Volvo XC40 Recharge Ultimate T5 Plug-In Hybrid คันเกียร์คริสตัลโดย Orrefors เพิ่มสัมผัสที่พรีเมียมยิ่งขึ้นในรถยนต์ Volvo S60 Recharge Ultimate T8 Plug-In Hybrid Dark และ Volvo XC60 Recharge Ultimate T8 Plug-In Hybrid Dark นอกจากนี้ รถยนต์ Volvo Plug-In Hybrid รุ่นใหม่ ยังได้มีการติดตั้ง ICUP (Infotainment and Connectivity Unit Program) ระบบเชื่อมต่อ และมัลทิมีเดียเพื่อความบันเทิง อำนวยความสะดวกให้การใช้งาน Google Maps, Google Assistance และ Google Play ทำได้ผ่านหน้าจอแบบทัชสกรีนในรถ หรือจะใช้งานแอพพลิเคชัน Volvo Car App เพื่อควบคุมรถจากระยะไกลเพื่อสั่งให้ลอค และปลดลอค ปรับอุณหภูมิห้องโดยสารล่วงหน้า เชคสถานะการชาร์จ และปริมาณแบทเตอรี และอัพเดทโปรแกรมของรถโดยอัตโนมัติผ่านทางดาวเทียม (Over-The-Air Update) ความปลอดภัยอันเป็นเอกลักษณ์ ความปลอดภัยในการเดินทางของผู้โดยสาร คือ เรื่องที่ Volvo ให้ความสำคัญเสมอมา รถยนต์ Volvo Recharge Plug-In Hybrid ที่มาพร้อมระบบ ICUP ยังมีตัวช่วยด้านความปลอดภัยทั้งเพื่อการปกป้อง และป้องกันผ่านระบบ ADAS (Advanced Driver Assistance Systems) ซึ่งรวมถึง ระบบ Blind Spot Information System (BLIS) ให้การเตือนในขณะเปลี่ยนเลน, ระบบ Adaptive Cruise Control with Queue Assist ช่วยคุณรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยจากรถคันหน้าด้วยการปรับความเร็วของรถ, ระบบ Lane Keeping Aid รักษาตำแหน่งรถให้อยู่ตรงกลางเลน, ระบบ Collision Avoidance & Mitigation Support with Auto Brake ตรวจจับ และแก้ ไขการไถลลื่นเพื่อดึงรถกลับมาสู่ตำแหน่งบนถนนที่ปลอดภัยกว่าได้* หลีกหลีกเลี่ยงการชน และทำการเบรกอัตโนมัติหากผู้ขับไม่สามารถตอบสนองได้**, ช่วยหยุดรถได้อย่างสมบูรณ์แบบในภาวะที่ผู้ขับขี่ไม่มีการตอบสนอง, การแจ้งเตือน Cross Traffic Alert พร้อมระบบเบรคอัตโนมัติช่วยเหลือผู้ขับขี่ในขณะถอยรถในมุมมองที่จำกัด โดยระบบสามารถตรวจจับยานพาหนะที่ตัดผ่านมาทางด้านหลัง และเบรคอัตโนมัติหากจำเป็น*** นอกเหนือจากความปลอดภัยจากอุบัติเหตุ และกรณีฉุกเฉินแล้ว Volvo ยังคำนึงถึงความปลอดภัยด้านสุขภาพของผู้ใช้รถ โดยรถยนต์ Volvo Recharge Plug-In Hybrid รุ่นใหม่ มาพร้อมเครื่องฟอกอากาศในระบบควบคุมคุณภาพอากาศที่ป้องกันไม่ให้ฝุ่น PM2.5 ที่เป็นอันตรายผ่านเข้ามาในห้องโดยสารได้ถึง 95 % ให้คุณภาพอากาศที่ดีกว่าไม่ว่าสภาพอากาศภายนอกจะเป็นอย่างไร พบกับรถยนต์ Volvo รุ่น Recharge Plug-In Hybrid และรถยนต์ไฟฟ้าได้ที่งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 39 บูธ A08 ณ อาคารชาลเลนเจอร์ อิมแพคท์ เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 1-12 ธันวาคม 2565 หรือทดลองขับได้แล้ววันนี้ที่ศูนย์บริการรถยนต์ Volvo ทั่วประเทศ หมายเหตุ * ฟังค์ชันช่วยเหลือคนขับไม่สามารถใช้แทนความระมัดระวัง และการตัดสินใจของคนขับได้ การช่วยบังคับพวงมาลัยจะทำงานที่ความเร็วระหว่าง 60-140 กม./ชม. ** สามารถตรวจจับยานพาหนะ คนเดินถนน และนักปั่นจักรยาน ซึ่งเคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกันของรถได้ ภายในความเร็วที่กำหนด และในบางสถานการณ์ ระบบตรวจจับขึ้นอยู่กับแสงที่ส่องสว่างบนวัตถุนั้น และไฟหน้าและไฟท้ายของรถต้องทำงานเมื่ออยู่ในที่มืด ผู้ขับยังคงต้องรับผิดชอบในการขับขี่อย่างปลอดภัยตลอดเวลา ***ฟังค์ชันช่วยเหลือคนขับไม่สามารถใช้แทนความระมัดระวัง และการตัดสินใจของคนขับได้ Cross Traffic Alert อาจทำงานได้อย่างจำกัดในบางสถานการณ์ ระบบช่วยเบรคจะทำงานในความเร็วต่ำเท่านั้น